- เศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าจะเติบโตช้าลงเล็กน้อยเนื่องจากปัจจัยการท่องเที่ยวและส่งออกที่ลดลง พร้อมทั้งความเสี่ยงจากสงครามการค้า
- การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะชะลอลงเนื่องจากหนี้ครัวเรือนที่สูงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ
- การลงทุนจากต่างประเทศมีโอกาสเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและศูนย์ข้อมูล แต่ยังมีความเสี่ยงจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเติบโตช้ากว่าปี 2567 เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและปัญหาสงครามการค้า โดยทิศทางการส่งออกคาดว่าจะชะลอตัวอยู่ที่ 2.5% และภาคการท่องเที่ยวแม้จะยังเติบโตแต่มีแนวโน้มชะลอตัวเช่นกัน ซึ่งเป็นผลจากการแข่งขันระหว่างประเทศและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเดินทาง
การบริโภคภาคเอกชนที่เคยเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในช่วงปี 2565-2567 คาดว่าจะขยายตัวช้าลง อันเนื่องมาจากกำลังซื้อที่ลดลงและระดับหนี้ครัวเรือนที่สูง อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการแจกเงิน 10,000 บาท คาดว่าจะช่วยเสริมการใช้จ่ายของครัวเรือนบ้าง ในขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐกลับได้รับแรงหนุนจากงบประมาณที่เพิ่มขึ้นถึง 7.8% พร้อมกรอบการเบิกจ่ายที่สูงขึ้น
ในด้านการลงทุนภาคเอกชน เตรียมฟื้นตัวเล็กน้อยจากการหดตัวในปี 2567 โดยมีมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศที่ได้รับการสนับสนุนจากการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ แต่อย่างไรก็ตามยังมีความไม่แน่นอนสูงจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจปรับขึ้นภาษีสินค้าไทย
การผลิตภายในประเทศยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการเข้ามาของสินค้าจากจีนที่มีราคาต่ำกว่า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.7% อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงไม่แน่นอนและเงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย
สุดท้าย สถานการณ์หนี้ครัวเรือนคาดว่าจะชะลอตัวลง ทำให้สัดส่วนหนี้ต่อ GDP ลดลง ขณะที่การเติบโตของสินเชื่อในระบบธนาคารยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและผลกระทบต่อคุณภาพของสินเชื่อในภาพรวม