- ก.ล.ต. ของไทยกำลังพิจารณาอนุญาตให้กองทุน Bitcoin ETF เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น เพื่อขับเคลื่อนการเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาค
- การแข่งขันสร้างศูนย์กลางคริปโทฯ ในเอเชียแปซิฟิกเข้มข้นขึ้น โดยไทยหวังให้ Binance และบริษัทอื่นๆ เสริมสร้างความเติบโต
- การเสนอแนวคิดออกสเตเบิลคอยน์ที่มีหุ้นกู้เป็นหลักประกัน เพื่อขยายตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนและลดต้นทุน
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของไทยกำลังพิจารณาแนวทางอนุญาตให้กองทุน Bitcoin ETF เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเป็นครั้งแรก นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 มกราคม ว่าการอนุมัตินี้จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันสามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้โดยตรง ทั้งนี้ บลจ.วรรณ ได้ริเริ่มการลงทุนใน Bitcoin ETF ต่างประเทศตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567
ขณะเดียวกัน การแข่งขันในการสร้างศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเริ่มเข้มข้น โดยสิงคโปร์และฮ่องกงได้วางระบบสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทฯ แล้ว ทั้งยังมีการสนับสนุนจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มุ่งมั่นทำให้สหรัฐฯ เป็นเมืองหลวงด้านคริปโทฯ ของโลก นางพรอนงค์ชี้ให้เห็นว่าไทยจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับกระแสการยอมรับคริปโทฯ ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก เพื่อให้นักลงทุนไทยมีทางเลือกพร้อมการคุ้มครองที่เหมาะสม
บริษัทไบแนนซ์ โฮลดิ้งส์ และบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ กำลังเล็งเห็นประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงจากการผ่อนคลายกฎข้อบังคับในปัจจุบัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยยังสนับสนุนแนวคิดการออกสเตเบิลคอยน์ที่มีพันธบัตรรัฐบาลค้ำประกัน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและเสริมสร้างตลาดการเงินในไทย นางพรอนงค์กล่าวว่า ก.ล.ต. พิจารณาอนุญาตให้บริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงสามารถออกสเตเบิลคอยน์ใหม่ที่มีหุ้นกู้ของตนเองเป็นหลักประกัน คาดหวังว่าจะช่วยขยายการเข้าถึงตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนและลดต้นทุน
ในช่วงที่ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งและแตะระดับสูงสุดที่ 108,315 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม 2567 กิจกรรมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแสดงถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งในและนอกประเทศ