Fxstreet
17 ก.ย. 2024 เวลา 13:35
NZD/USD ย่อตัวลงจากการวิ่งขาขึ้นในเซสชั่นก่อนหน้า โดยซื้อขายที่บริเวณระดับ 0.6190 ในช่วงเวลาตลาดเอเชียในวันอังคาร ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) เผชิญกับปัจจัยความท้าทายเนื่องจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพทางเศรษฐกิจของจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญ นักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอรอบล่าสุดบ่งชี้ถึงความท้าทายที่รุนแรงสําหรับฐานเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs และ Citi ได้ลดการคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2024 สําหรับจีนลงเหลือ 4.7% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลปักกิ่งที่ประมาณ 5.0% ทาง SocGen อธิบายสถานการณ์ว่าเป็น "ปัจจัยขาลงต่อเนื่อง" ในขณะที่ Barclays เรียกมันว่า "จากภาวะเลวร้ายไปสู่เลวร้ายที่สุด" และเป็น "วงจรอุบาทว์" ด้าน Morgan Stanley ยังเตือนว่า "สิ่งต่าง ๆ อาจแย่ลงอีกก่อนที่จะดีขึ้น" ตามรายงานของ Reuters
คาดว่าตอนนี้เทรดเดอร์จะติดตามการทบทวนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หลักประจําเดือนของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารประชาชนจีน (PBoC) อย่างใกล้ชิดในวันศุกร์ ตามการเติบโตของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและตัวเลขยอดค้าปลีกที่น่าผิดหวังในเดือนสิงหาคม การทบทวนนี้สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิถีเศรษฐกิจของจีนและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในตลาดโลก
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของนิวซีแลนด์สําหรับไตรมาสที่ 2 มีกําหนดจะประกาศในวันพฤหัสบดี โดยตลาดคาดว่าจะหดตัว 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หลังจากขยายตัว 0.2% ในไตรมาสที่ 1 ซึ่งการลดลงน่าจะเกิดจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแออย่างต่อเนื่อง ซึ่งทําให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวมของเศรษฐกิจ
ดอลลาร์สหรัฐ (USD) อยู่ภายใต้แรงกดดันขาลงเนื่องจากความคาดหวังเพิ่มขึ้นว่าคณะกรรมการตลาดเปิดของรัฐบาลกลาง (FOMC) อาจเลือกที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างมีนัยสําคัญที่ 50 จุดพื้นฐานในวันพุธ จากข้อมูลของ CME FedWatch Tool ตลาดกําลังประเมินราคาในโอกาส 38.0% ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ 25 จุดพื้นฐานในการประชุมเดือนกันยายน ในขณะที่ความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุดพื้นฐานเพิ่มขึ้นมาเป็น 62.0% โดยเพิ่มขึ้นจาก 50.0% แค่ 1 วันก่อนหน้านี้ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นของการผ่อนคลายทางการเงินที่เป็นไปในเชิงรุกมากขึ้น
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า