Qtum

Qtum ใช้รูปแบบธุรกรรม UTXO ของ Bitcoin ซึ่งหมายถึง unspent transaction outputs และอ้างถึงจำนวนสกุลเงินดิจิทัลที่เหลือเหลือหลังจากธุรกรรมเช่นเงินทอนที่เหลือจากการทำธุรกรรมเงินสด UTXOs ถูกประมวลผลอย่างต่อเนื่องและบันทึกข้อมูลของพวกเขาไว้บนบัญชี พวกเขาต้องการกุญแจส่วนตัวเพื่อปลดล็อก

Qtum ทำงานบนกลไกฉันทามติแบบ Proof of Stake ซึ่งคุ้มต้นทุนมากกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่ากลไก Proof of Work ที่ใช้โดยทั้ง BTC และ ETH ในปัจจุบัน นอกจากนี้ Qtum ยังประมวลผลธุรกรรมได้มากถึง 70 ถึง 100 ธุรกรรมต่อวินาที และสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้โดยใช้ Lightning Network และเทคโนโลยี Layer 2 อื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว Ethereum ประมวลผลได้ 30 TPS ในปัจจุบัน ในขณะที่ Bitcoin ประมวลผลได้เพียง 3 ถึง 7 TPS เท่านั้น

Qtum สร้างบล็อกเชนแบบ Proof of Stake แรกที่ใช้รูปแบบธุรกรรม UTXO พร้อมกับความสามารถในสมาร์ทคอนแทรค เป้าหมายของโครงการคือการรวมความปลอดภัยของ Bitcoin กับความสามารถของ Ethereum ทั้งนี้โดยใช้กลไกเชื่อมั่นแบบ Proof of Stake ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การประยุกต์ใช้งานของ Decentralized Governance Protocol และ Account Abstraction Layer technologies ทำให้วิธีการออกแบบนี้เป็นไปได้ ซึ่งมอบประสิทธิภาพที่ดีกว่าบล็อกเชนอื่น ๆ ในการกำหนดค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้กับเหมือง, Qtum พบว่าบล็อกเชน Bitcoin ไม่เพียงพอเนื่องจากมันเพียงแค่พึงขนาดของธุรกรรม ดังนั้นโครงการนี้ยอมรับรูปแบบ gas ของ Ethereum เนื่องจากมันอนุญาตให้มีการคืนเงิน gas ที่ไม่ใช้ได้หลังจากธุรกรรม อย่างไรก็ตาม Qtum คาดหวังว่าราคา gas จะแตกต่างอย่างมากจาก Ethereum และสร้างรูปแบบค่าธรรมเนียมตลาดเสรีที่ทั้งผู้ขุดและผู้ใช้สามารถปรับปรุงการดำเนินงานได้ให้ดียิ่งขึ้น