ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ข้าวไทยจะก้าวขึ้นเป็น "ข้าวคาร์บอนต่ำ"

TradingKey
ผู้เขียนTony
8 พ.ย. 2024 เวลา 7:35

- ภาคเกษตรของไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากวิกฤตสิ่งแวดล้อม โดยต้องเร่งพัฒนาการผลิตสินค้าคาร์บอนต่ำเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

- การปลูกข้าวคาร์บอนต่ำเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเพิ่มมูลค่าสินค้า

- ไทยต้องมุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มคุณภาพและความสามารถในการแข่งขันในตลาดข้าวโลก

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ภาคเกษตรของไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์วิกฤตสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การปลูกข้าวซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลัก จำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาการผลิตเพื่อก้าวสู่ตลาดข้าวคาร์บอนต่ำ

จากข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในไทย พบว่า ภาคเกษตรมีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 15.23% โดยเป็นอันดับสองรองจากภาคพลังงาน และการปลูกข้าวเป็นกิจกรรมที่ปล่อยก๊าซมากที่สุดในภาคเกษตร ด้วยสัดส่วน 50.58% ดังนั้น การส่งเสริมการปลูกข้าวคาร์บอนต่ำจึงเป็นหนึ่งในแนวทางเพื่อบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ข้าวคาร์บอนต่ำคือ ข้าวที่ผลิตและแปรรูปด้วยวิธีการที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การทำนาเปียกสลับแห้ง การใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมี และการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ และเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับมาตรการทางการค้าที่เกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ไทยได้มีการส่งเสริมการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการไทยไรซ์ นามา ที่เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในประเทศและองค์กรต่างประเทศ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการสนับสนุนทางการเงิน

เวียดนามเป็นอีกประเทศที่มีนโยบายรุกตลาดข้าวคาร์บอนต่ำอย่างจริงจัง โดยมีการสนับสนุนจากรัฐบาลและองค์กรพัฒนาเอกชน และเน้นการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การลดการใช้สารเคมี โดยใช้เทคนิคการปลูกข้าวคล้ายกับไทย ปัจจุบัน เวียดนามผลักดันนโยบาย Net Zero Emission และมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าไทย มุ่งเข้าสู่ตลาดข้าวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สำหรับสถิติการส่งออกข้าว ไทยและเวียดนามมีปริมาณและมูลค่าใกล้เคียงกันมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการแข่งขันในตลาดข้าวโลกที่เข้มข้นขึ้น การพัฒนาข้าวคาร์บอนต่ำจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและรักษาส่วนแบ่งตลาดข้าวโลกในอนาคต นายพูนพงษ์เสนอว่าไทยควรเน้นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าข้าวให้สูงขึ้นและตอบสนองความต้องการของตลาดโลก

ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยTony
คำปฏิเสธ: เนื้อหาของบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น และไม่ได้สะท้อนท่าทีอย่างเป็นทางการของ Tradingkey ไม่ควรถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น และผู้อ่านไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยอิงจากเนื้อหาของบทความนี้เท่านั้น Tradingkey ไม่รับผิดชอบต่อผลการซื้อขายใด ๆ ที่เกิดจากการพึ่งพาบทความนี้ นอกจากนี้ Tradingkey ไม่สามารถรับประกันความถูกต้องของเนื้อหาบทความ ก่อนตัดสินใจลงทุน ควรปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้

บทความแนะนำ